ชื่อ สิรวิชญ์
จตุรภัทรานนท์
ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
สถานศึกษา ชมรมศิลปะลานคูน
ชื่อผลงาน กตัญญูตา Title The Grateful Son
ชื่อวรรณกรรม คำพิพากษา
รหัสภาพ 10-031 Code 10-031
วิธีทำ สีอะคริลิคบนผ้าใบ Method Acrylic Paint
ราคา 5,000 บาท Price 5,000 Baht
บทวรรณกรรม
เมื่อฟักจบประถมสี่เขาตัดสินใจบวชเณร
คิดตามประสาในตอนนั้นว่าจะเอาดีทางศาสนาจะสอบ
นักธรรมเดินตามรอยพระอาจารย์ที่วัดซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของคนในตำบล
สามเณรฟักคร่ำเคร่งเล่าเรียน
ท่องบ่นหนังสือเป็นที่ร่ำลือในความสามารถ
พวกชาวบ้านตั้งความหวังไว้ว่าต่อไปในวันข้างหน้า
เมื่อสามเณร
ฟักบวชเป็นพระก็จะมีพระอาจารย์ที่เคารพยกย่องคู่วัดอีกองค์หนึ่ง
แล้วความหวังของชาวบ้านก็คงพังครืน
ลงมา เมื่อสามเณรฟักของลากศึกทั้งๆที่อายุจวนครบบวช
เจ้าอาวาสพยายามทัดทานแจ่สามเณรก็ยังอยากสึก
แม้ว่าตัวเองนั้นจะอยากอยู่ในร่มเงาของศาสนาเป็นสาวกของพระองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ทุกครั้งที่สามตาเหลือบมองโยมพ่อ
ฟักก็อดเป็นห่วงไม่ได้
เขาจะท่องบทสวดมนต์ต่อไปได้อย่างไรในเมื่อพ่อต้อง
ทำงานหนักหาเงินทั้งวัน
แต่ตัวเองกลับแอบอิงอยู่ในศาสนาอย่างสุขสบายเขามีพ่อเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เลี้ยง
เขามา ไม่มีญาติพี่น้องแล้วใครกันเล่าจะมาช่วยพ่อได้ในยามที่พ่อต้องหมดแรง
นอกจากเขาเพียงคนเดียว
จิตใจไม่อาจสงบได้ในทุกครั้งที่ได้เห็นได้คุยกับโยมพ่อ
พ่อไม่เคยรบเร้าให้เขาศึกเลย
เขาเองต่างหากที่รบเร้า
และเรียกร้องจากตัวเอง
เรียกร้องให้ละทิ้งความสุขสบายเหมือนหนีไปแอบมีอยู่คนเดียว
โดยต้องทอดทิ้งให้พ่อ
ต้องเหน็ดเหนื่อยหนาวร้อยอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง
เขาควรจะต้องตอบแทนพระคุณ
คอยปรนนิบัติรับใช้พ่อยามยัง
มีชีวิตอยู่มิใช่การสวดมนต์กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ในตอนที่พ่อตายแล้ว
ครั้งจะให้พ่อเลิกอาชีพแล้วตัวเองจะบิฑบาตเลี้ยงแต่พ่อกลับไม่ยอม
กลัวเกรงใครๆจะนินทา
สามเณร ฟักคิดหาคำตอบอย่างรอบคอบอยู่หลายเดือนในที่สุดก็ตัดสินใจสึกโดยไม่มีข้ออ้างใดๆมาทัดทานความตั้งใจ
ของเขาได้
ข้อคิดที่ได้
เรื่องความกตัญญูต่อบุพการี
แม้จะต้องละทิ้งความสบายส่วนตัวเพื่อพ่อผู้มีพระคุณ
ความตั้งใจที่อยากจะให้พ่อสบายไม่ต้องลำบากทำงานหนกซึ่งเป็นการตอบแทนบุญคุณต่อพ่อผู้เป็นที่รักที่สุด
ในชีวิตสมควรที่ลูกควรดูเป็นตัวอย่าง