ชื่อ                   ทินพัฒน์ ทาเครือ

ระดับ               มัธยมศึกษาตอนปลาย

สถานศึกษา       โรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง

ชื่อผลงาน         ผู้เสียสละ 

ชื่อวรรณกรรม   พญาลิงผู้เสียสละ 

 

บทวรรณกรรม

               ฝ่ายพญาลิงมักจะพาบริวารออกมากินมะม่วงสุกต้นนั้นในเวลาเที่ยงคืน เพราะเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยเนื่องจากผู้คนพากันหลับหมดแล้ว ส่วนพวกลิงทั้งหลายต่างพากันปีนป่ายเก็บผลมะม่วงกินอย่างสนุกสนานโดยหารู้ไม่ว่าขณะนั้นกำลังจะมีภัยมาถึงพวกตน  พระเจ้าพาราณสีทรงได้ยินเสียงฝูงลิงร้องเจี๊ยกจ๊ากจึงปลุกบรรดาข้าราชบริพารให้ตื่นนอนแล้วช่วยกันล้อมจับลิง "พวกเจ้าล้อมไว้ให้ดีนะ อย่าให้มันหนีไปได้ พรุ่งนี้พวกเราจะได้กินมะม่วงกับเนื้อลิง"พระเจ้าพาราณสีทรงสั่งอย่างเฉียบขาด ฝ่ายฝูงลิงเห็นคนถือธนูมายืนล้อมต้นมะม่วงที่ี่พวกตนปีนป่ายอยู่ก็ตกใจกลัวตาย เมื่อมองไม่เห็นทางจะหนีไปได้ จึงเข้าไปหาพญาลิงซึ่งนั่งสงบอยู่บนกิ่งไม้ พร้อมทั้งรายงานให้ทราบ "นาย มีคนถือธนูมายืนล้อมต้นมะม่วงของพวกเราไว้ ท่าทางเขาน่ากลัวมากพวกเราจะทำอย่างไรกันดี" พญาลิงเห็นพวกลิงบริวารตกใจกลัวเช่นนั้นจึงปลอบว่า"อย่ากลัวกันไปเลย เราจักให้ชีวิตพวกเจ้า "ครั้นปลอบโยนบริวารให้เบาใจแล้วพญาลิงก็หาทางช่วยในที่สุดก็พบว่ามีอยู่ทางเดียวเท่านั้น คือ ต้องให้บริวารไต่หนีไปอยู่ที่ต้นไม้อื่นซึ่งอยู่คนละฝั่งน้ำ พญาลิงสำรวจดูแล้ว เห็นว่าการจะไปยังต้นไม้ต้นอื่นได้นั้นต้องไต่ไปตามเถาวัลย์ ดังนั้นพญาลิงจึงเอาเถาวัลย์ผูกเข้ากับต้นมะม่วงที่พวกตนอยู่ แล้วเอาปลายเถาวัลย์อีกข้างหนึ่งผูกเอวของตนกระโดดไปที่ต้นไม้อีกฟากหนึ่ง ผลปรากฏว่าเถาวัลย์สั้นไม่สามารถผูกติดกับกิ่งต้นมะม่วงอีกฟากหนึ่งได้จึงใช้มือสองข้างเหนี่ยวต้นมะม่วงนั้นไว้ แล้วบอกให้ลิงบริวารไต่เถาวัลย์มา ครั้นมาถึงตรงที่ลิงโหนอยู่ พวกลิงบริวารไม่กล้าเดินไปเพราะกลัวจะเป็นบาป แต่พญาลิงก็สั่งให้เดินต่อไปเพื่อเอาชีวิตรอดไว้ก่อน ลิงบริวารต่างพากันคำนับพญาลิงแล้วเดินเหยียบตัวพญาลิงไป

             พระจ้าพาราณสีทอดพระเนตรเห็นการกระทำของลิงทั้งหมด พระองค์รู้สึกแปลกพระทัยยิ่งมาเห็นลิงตัวสุดท้ายซึ่ง เป็นลิงกักขฬะหยาบคายแล้วรู้สึกสะเทือนพระทัย กล่าวคือ ลิงตัวนั้นไม่ชอบพญาลิงเพราะมันต้องการความเป็นใหญ่ มันหาทางแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา จนวันนี้จึงได้โอกาสมันไต่ตามเถาวัลย์มาเช่นเดียวกับลิงตัวอื่น ๆ แต่ครั้นมาถึงที่พญาลิงเหนี่ยวกิ่งไม้ไว้แทนที่มันจะค่อย ๆ เหยียบตัวพญาลิงไป มันกลับกระโดดเข้าเต็มแรงด้วยความแค้น แล้วเดินเหยียบไป พญาลิงเจ็บปวดมาก แต่ก็สู้อดทนเพื่อช่วยเหลือบริวาร พระเจ้าพาราณสีทอดพระเนตรเห็นแล้วรู้สึกสะเทือนพระทัยมาก ทรงรำพึงว่า"ลิงนี้เป็นสัตว์เดรัจฉานแท้ ๆ ยังยอมสละชีวิตของตนเองช่วยเหลือบริวารให้ปลอดภัย"พระองค์ทรงคิดได้ว่าพระองค์ไม่ควรทำลายชีวิตพญาลิง แต่ควรหาทางช่วยเหลือให้ปลอดภัย พญาลิงก็ไม่สามารถจะทนความเจ็บปวดไหว จึงขาดใจตายในเวลาต่อมาพระเจ้าพาราณสีทรงรับสั่งให้จัดการเผาศพอย่างสมเกียรติแล้วนำกระดูกไปบรรจุในเจดีย์ที่ทรงรับสั่งให้สร้าง พระองค์ทรงบูชากระดูกพญาลิงตลอดชีวิต          

 

ข้อคิดที่ได้

               “ดูคนให้ดูที่การกระทำ ดูผู้นำให้ดูที่ความเสียสละ” แง่คิดที่ข้าพเจ้าได้จากการอ่านวรรณกรรมเรื่องนี้ คือ ผู้ที่เป็นหัวหน้าหรือผู้นำต้องมีสติปัญญาฉลาดรอบคอบรู้จักพิจารณาไตร่ตรองเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ และมีความเสียสละที่จะช่วยเหลือลูกน้องได้ มีสติมั่นคง ไม่หวั่นวิตก จะเห็นได้ว่าสังคมไทยในปัจจุบันขาดผู้นำที่ดี ที่มีคุณธรรม จริยธรรม ขาดผู้นำที่เสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน ดังนั้นคติสอนใจในเรื่องนี้ มีความเหมาะสมที่จะเป็นเรื่องที่ให้แง่คิดแก่ผู้นำปัจจุบันว่า ควรปกครองบุคคลที่อยู่ในการดูแลด้วยความเป็นผู้นำที่ดี เสียสละ มีสติ กล้าหาญอย่างเช่นพญาลิงผู้เสียสละ