ชื่อ                   วรางคณา ขันผักแว่น

ระดับ                ประถมศึกษา

สถานศึกษา        โรงเรียนบ้านกระถิน

ชื่อผลงาน          ไออุ่นรัก 

ชื่อวรรณกรรม    แจกันดอกหญ้า 

 

บทวรรณกรรม

               เย็นนั้นชำนาญก็กลับไปทันช่วยแม่ทำงานบ้านตามเคย ท่านมหาบอกให้ไปหาก่อนค่ำ เพราะท่านรู้ว่าเขามีหน้าที่ต้องเอาอาหารให้หมูให้ไก่ ตกกลางคืนทานข้าวปลากันเสร็จ สองแม่ลูกก็เข้านอนแต่หัวค่ำ ขณะที่นอนอยู่ด้วยกัน ผู้เป็นแม่ก็เอ่ยขึ้นว่า “แม่คิดจะขายหมูตัวโตๆ ให้หมด เพื่อจะเอาเงินให้ลูกได้ติดตัวไปบ้าง”

               “ผมไม่อยากไปเลยแม่” ชำนาญยังพูดเหมือนเดิม

               “ไปเถอะลูก เพื่อความเจริญของตนเอง มันเป็นวาสนาของลูกแล้วนะ พอเรียนจบทางนี้ ท่านมหาก็มาโปรดพอดี นี่แหละลูกเอ๋ย ที่เขาว่าพระมาโปรดล่ะ กับลูกท่านคงจะเคยอุปการะกันมาแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้จึงได้มาอุปการะกันอีก ทั้งที่ไม่ใช่ญาติใช้เชื้อกัน เมื่อลูกไปอยู่กับท่านแล้ว ก็ให้ความเคารพเชื่อฟังท่านให้มากนะ ท่านเป็นอาจารย์ ก็เหมือนพ่อแม่นั่นแหละ ให้เอาใจใส่ท่าน รับใช้อย่างใกล้ชิด ทำผิดท่านทำโทษก็อย่าโกรธเคืองท่านให้คิดเสียว่าพ่อแม่ทำโทษก็แล้วกัน”

               “แต่ผมเป็นห่วงแม่” ผู้เป็นแม่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจในความห่วงใยของลูกชาย นางกล่าวต่อไปว่า “อย่าห่วงแม่ให้มากเลยลูก ลูกควรห่วงตัวเองมากกว่า แม่จะอยู่กับลูกไปตลอดไปไม่ได้หรอก ชีวิตลูกยังต้องอยู่ในโลกนี้อีกนาน ถ้าลูกอยู่กับแม่อย่างเจริญคงเป็นแค่ผู้ใหญ่บ้าน แต่ถ้าลูกตามท่านมหาไปเรียนหนังสือ ลูกอาจจะก้าวหน้าไปถึงนายกรัฐมนตรีก็ได้นะลูก เด็กวัดได้ดีมีถมเถไป” ถึงตอนท้ายประโยค ผู้เป็นแม่พูดเสียงขัดๆ เหมือนกับมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ และถ้าอยู่ในที่สว่าง ชำนาญก็จะได้เห็นหยาดน้ำใสๆ ที่ไหลลงมาจากสองข้างตาของผู้เป็นแม่ ชำนาญพลิกตัวยกมือโอบกอดแม่ แล้วซุกหน้าร้องไห้กับอกแม่ การจากกันในครั้งนี้ แม้จะไปเพื่อความเจริญก้าวหน้า แต่มันก็สร้างความอาลัยอาวรณ์ให้กับสองแม่ลูกไม่ใช่น้อย    

 

ข้อคิดที่ได้

                ชำนาญเป็นลูกกตัญญู ขยันหมั่นเพียร ช่วยงานแม่เพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ และยังตั้งใจเรียน เป็นลูกที่ดี เพื่อมีความรู้ ความเจริญก้าวหน้าต่อไป