ชื่อ                   สามเณร บุญฤทธิ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร

ระดับ               มัธยมศึกษาตอนต้น

สถานศึกษา        โรงเรียนธรรมราชศึกษา

ชื่อผลงาน          นางพญากาเผือก  

ชื่อวรรณกรรม    นางพญากาเผือก

 

บทวรรณกรรม

                นางพญากาเผือกทำรังอยู่บนต้นไม้ มีไข่ห้าฟอง ครั้งหนึ่งเกิดพายุและฝนตกหนัก ไข่ทั้งห้าฟองของนางพญากาเผือกลอยกระจัดกระจายไปตามกระแสน้ำ ฝ่ายแม่กาก็ออกตามหาและเรียกร้องไปนานแสนนาน ไกลแสนไกล จึงร้องไห้เศร้าโศกร่ำหาลูกๆ จึงอุทานขึ้นว่า “โธ่ พ่อเอ๋ยมเหศักดิ์ นำหน่อเนื้อไปอยู่ไหน แม่รักลูกผูกดั่งดวงใจ จะเป็นหรือตายทั้งห้าพระองค์”

                ไข่ฟองที่หนึ่งแม่ไก่เก็บได้ ฟองที่สองนาคเก็บได้ ฟองที่สามเต่าเก็บได้ ฟองที่สี่วัวเก็บได้ ส่วนฟองที่ห้าราชสีห์เก็บได้ สัตว์ทั้งห้านำกลับไปฟักจนกลายเป็นเด็กชายทั้งห้าคน และสัตว์ที่เลี้ยงดูเด็กทั้งห้าก็ตั้งชื่อตามลำดับดังนี้ กุกสันโธ โคนาคมโน กัสสปะ โคดม และ ศรีอาริยเมตไต ครั้นเจริญวัย ทั้งห้าคนจึงล่ำลาแม่เลี้ยงเพื่อตามหาพ่อแม่เดิมของตน จนในที่สุดได้เดินทางมาพบกันและถามไถ่ความเป็นมา ซึ่งทุกคนก็ทราบว่าตนเกิดจากไข่ลอยน้ำมาเหมือนกันและเกิดในวันเดียวกันเป็นที่อัศจรรย์ใจ จึงออกตามหาแม่ ตามเท่าใดก็ไม่มีใครทราบจึงทำพิธีเซ่นสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้บอกทิศทางตามหาแม่ ด้วยบุญบารมีของเด็กทั้งห้า นางพญากาเผือกซึ่งตายไปแล้วเป็นเทพอยู่บนสวรรค์ก็มาปรากฏตัวให้เห็น จึงได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ลูกทั้งห้าจึงถามถึงวิธีตอบสนองคุณมารดาจะกระทำด้วยวิธีใด นางพญากาเผือกจึงบอกว่า ในวันเพ็ญเดือนสิบสอง ซึ่งเป็นวันที่พลัดพรากกัน ให้ลูกๆ ทำกระทงลอยน้ำไปหาแม่ กระทงจะไปถึงแม่ หลังจากนั้นเด็กชายทั้งห้าก็ทำกระทงลอยน้ำในวันเพ็ญเดือนสิบสองของทุกปี และผู้คนอื่นๆต่างก็กระทำตาม จึงมีการทำพิธีลอยกระทงสืบมา

 

ข้อคิดที่ได้

               การทดแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณกระทำได้หลายวิธี ทั้งนี้ผู้ที่รำลึกถึงและทดแทนบุญคุณของบุพการีคือผู้เจริญ