ชื่อ                         ด.ช.จงรักษ์ สมบูรณ์           

ระดับ                      มัธยมศึกษาตอนต้น

สถานศึกษา             โรงเรียนอักษรพัทยา 

ชื่อผลงาน               ปูก็มีหัวใจ

ชื่อวรรณกรรม         ปูก็มีหัวใจ

 

 

บทวรรณกรรม

 

          ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพราหมณ์ผู้มีอันจะกินคนหนึ่งมีบริวารมาก นิวาสสถานอยู่ในบ้านเพลินทริยะทางทิศอีสานแห่งกรุงราชคฤห์

          วันหนึ่ง เขาจะออกไปทุ่งนา สั่งบ่าวไพร่ไว้ว่า “จงช่วยกันทำงานให้เสร็จ” แล้วไปในบึงใหญ่แห่งหนึ่ง เพื่อจะไปล้างหน้า เผอิญพบปูตัวหนึ่ง มีผิวพรรณดุจทองคำ จึงใช้ผ้าห่อปูตัวนั้นกลับไปยังทุ่งนาของตน เวลาจะกลับบ้านก็นำปูกลับไปปล่อยที่บึงเสียก่อน เขาทำเช่นนี้บ่อยๆจนปูคุ้น ก็แล พราหมณ์คนนี้มีของที่นับว่าดีกว่าคนทั้งหลายอยู่ ๓ ประการ คือ ประสาททั้งห้า มณฑลทั้งสาม และดวงตา

          ครั้งนั้น มีนางกาตัวหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ท้ายนาของพราหมณ์ ได้เกิดแพ้ท้องอยากกินลูกตาพราหมณ์ขึ้นมาจึงบอกกาตัวผัว

          “พี่จะเอาลูกตาพราหมณ์มาให้น้องกินได้ยังไง ?”

          กาตัวผัวเอ่ยขึ้นโดยไม่ต้องคิด  “พราหมณ์แกจะเผลอให้เอาลูกตาแกมากินง่ายๆหรือ?”

          “โธ่! จะไปยากอะไร” “พี่จะยอมเป็นบ่าวรับใช้งูเห่า ซึ่งอยู่ข้างๆต้นตาลนี้ แล้วขอให้งูเห่ากัดพราหมณ์ให้ตาย เมื่อเขาตายแล้ว พี่ก็รีบควักลูกตาแกมาให้น้องซิ”

          “เออจริงแหละ พี่ก็ลืมนึกไป” กาตัวผัวว่า “ถ้างั้นพี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”

          ว่าแล้ว มันก็อาสารับใช้งูเห่า ในเวลาที่ข้าวกล้าใกล้ออกรวง ฝ่ายปูก็เติบโตขึ้นโดยลำดับ

          ครั้นวันหนึ่งงูเห่าถามกาว่า “แกรับใช้ข้าอย่างนี้แกต้องการสิ่งใดจากเรา” กาจึงเล่าทุกอย่างให้งูฟังและเสริมว่า “ยังไงท่านช่วยข้าบ้างเถอะข้าไม่ทราบว่าจะไปพึ่งใครนอกจากท่านแล้ว”

          “เรื่องเล็กจะตายไป” งูตกลงทันที “เอาเถอะเดี๋ยวข้าจัดการให้” ว่าแล้วมันก็ไปนอนซ่อนตัวอยู่ในกอหญ้าที่คันนาที่พราหมณ์จะเดินผ่านมา

          ฝ่ายพราหมณ์นั้นลงไปในบึง ล้างหน้า แล้วเอาปูทองตัวนั้นลงไปนอนระหว่างผ้าห่มแล้วจะกลับไปยังนาของเขา งูเห่าที่คอยอยู่เลื้อยไปกัดที่แข้งให้ล้มลง แล้วรีบหนีไปให้รอมปลวก

          ขณะเดียวกัน ปูทองคลานออกจากผ้าพอดี กาโผลงมาจับที่อกพราหมณ์ ปูเห็นจึงรู้ว่าพราหมณ์เกิดอันตราย จึงปราดเอาก้ามหนีบขากาอย่างแรงจนกาทนไม่ไหว ร้องเรียกงูเสี่ยงสั่นว่า “เพื่อนเอ๋ยช่วยเราด้วยปูหนีบขาเรา” และงูก็ออกมา แผ่แม่เบี้ยชูคอร่าเข้ามาหมายทำร้ายปู ปูที่คอยที่อยู่ก็ง้างก้ามหนีบหมับที่คองูเห่า ทั้งงูทั้งกาดิ้น แต่ยิ่งดิ้นก้ามปูก็เน้นหนักเข้าๆทุกทีจน ทั้งสองหายใจแทบไม่ออก งูพยายามเปล่งเสียงออกมาว่า “หนีบขาและคอเราทั้งสองไว้ทำไม” “เจ้าจะกินเราหรือยังไง”

          “เปล่าหรอกข้าจะฆ่าแกทั้งสองทิ้งเพื่อแก้แค้นให้เพื่อนเราต่างหาก” ปูตอบ

          “ใครคือเพื่อนของเจ้า ?” งูซักถาม

          “ก็ชายคนนี้ไงล่ะเราทั้งสองเป็นอันเดียวกัน จะขาดใครไปไม่ได้” ปูตอบ

          “ถ้างั้น เอางี้ไหมล่ะ ?” สมองแสนกลของงูเริ่มวางอุบาย “ข้าจะดูดพิษออกจากเพื่อนของเจ้า”แต่เจ้าต้องปล่อยเราสองคน

          ปูซึ่งรู้ทันจึงบอกว่า “เราจะปล่อยแกตัวเดียวและจับกาเป็นประกัน” และปูก็ปล่อยงู งูจัดการดูดพิษออกหมดจนพราหมณ์ลุกได้เป็นปกติ จากนั้นปูก็รีบปราดเข้างับคองูอีกและกดเต็มแรงจนงูคอขาดกระเด็น เสร็จแล้วกดหมับที่คอกาอย่างรวดเร็วจนคอกาขาดกลิ้งไปด้วย เป็นอันว่า พราหมณ์ก็รอดชีวิตและทั้งสองก็มีความรักใคร่ยิ่งขึ้นตามลำดับ

 

 

แนวคิดและเหตุผล

 

          วรรณกรรมที่สื่อถึงความมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนที่กำลังลำบากอยู่ จากในเรื่อง ปูได้ช่วยพราหมณ์ โดยให้งูไปดูดพิษออกให้ ทำให้พราหมณ์รอดชีวิตจากการตายได้

          และยังเป็นวรรณกรรมที่สื่อถึงความเป็นเพื่อนแท้ ที่ไม่ยอมทิ้งกัน ทั้งยังรักใคร่กลมเกลียว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้สามารถผ่านพ้นอันตรายต่างๆไปได้ ซึ่งเรียกได้ว่าเพื่อนแท้ที่รักกันมาทีเดียว

          ตัวละครที่ชอบคือปูทอง เนื่องจากเป็นปูที่สวยงามมีผิวพรรณดุจทองคำ และยังมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อน ซึ่งคือพราหมณ์ให้รอดชีวิตพ้นจากอันตราย และยังมีสมองที่ฉลาดหลักแหลมสามารถรู้ทันสมองแสนกลของงูเห่าได้ และยังเป็นเพื่อนแท้ของพราหมณ์ เป็นปูที่กล้าหาญสู้กับงูเห่าและกา เพื่อช่วยเหลือซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีมาก ที่ไม่ละทิ้งกันในยามมีอันตราย ต้องหาอุบายช่วยเหลือกันให้รอดพ้นจากอันตรายจนได้ ซึ่งเหตุผลหลังๆที่ทำให้ผมชอบปูทองนี้คือ เป็นปูที่มีน้ำใจและเพื่อนแท้ของพราหมณ์