ชื่อ ด.ช.สิริภาส แย้มโสภี
ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น
สถานศึกษา โรงเรียนอักษรพัทยา
ชื่อผลงาน ผู้ฆ่ายักษ์
ชื่อวรรณกรรม ผู้ฆ่ายักษ์
บทวรรณกรรม
ครั้งหนึ่ง ในกรุงพาราณสี มียักษ์ตนหนึ่งมาเที่ยวกินคน
ชาวเมืองแตกตื่นตกใจกลัวไม่เป็นอันทำมาหากิน บางพวกก็หนีเข้าป่าใหญ่ดงดิบตายเสียส่วนมาก
พระเจ้าพรหมทัตกษัตริย์กรุงพาราณสี
จึงได้เจรจากับยักษ์ให้สัญญากับมันว่า จะส่งคนไปให้กินวันละคน
ขออย่าได้เข้ามาในเมืองเลย หากวันได้ผิดสัญญา ยอมให้มันมาจับกินทั้งเมืองได้
ยักษ์จึงยอมกลับ และตั้งแต่นั้นมา พระเจ้าพาราณสีได้จักส่งชาวเมืองไปให้มันกินวันละคนๆโดยผลัดเปลี่ยนเวรกัน
วันหนึ่ง
ครอบครัวชาวนาบ้านหนึ่ง ได้ถูกเวรที่จะไปให้ยักษ์กิน
ก็ครอบครัวนี้มีอยู่สี่คนด้วยกันคือ ตัวชาวนากับภรรยาและลูกชายกับลูกสะใภ้ซึ่งพึ่งแต่งงานใหม่ๆ
และก่อนหน้านี้เล็กน้อย ได้มีชายหนุ่มจากเมืองตักกสิลาคนหนึ่งเดินทางมาขออาศัยพักด้วย
ซึ่งแม้จะอยู่ในระหว่างวุ่นวายคนทั้งสี่ก็ยังมีกะใจให้การรับรองแขกอย่างดี
แต่ครั้นชายหนุ่มเข้าไปพักในไม่ช้า ก็สังเกตเห็นว่า
ครอบครัวนี้กำลังมีความทุกข์อะไรอย่างใหญ่หลวง
ด้วยได้ยินพูดโอดครวญกันในห้องถัดไปแล้วได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
ให้ข้าไปเอง
จะปล่อยให้พ่อให้แม่แกไปไม่ได้ เพราะมันเท่ากับข้าเป็นลูกเนรคุณ
คงไม่ผิดที่ชายหนุ่มเข้าใจว่าเป็นเยงลูกสะใภ้
แต่ต่อจากนั้นเขาก็ไม่ได้ยินเสียงใครพูดขึ้นมาอีกนอกจากเสียงร้องให้ไม่หยุด
ยิ่งนั่งฟังยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้น อยากรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
จึงเชิญตัวเจ้าของบ้านออกมาแล้วถามว่า
เกิดอะไรขึ้นหรือท่าน?
แรกๆชาวนาเจ้าของบ้านนิ่งอึ้งไม่ยอมบอก
แต่แล้วก็ย้อนถามว่า ท่านจะทราบไปทำไม?
บอกให้ข้าพเจ้าทราบบ้างเถิด
บางทีข้าพเจ้าอาจจะช่วยท่านได้บ้าง
เมื่อถูกอ้อนวอนรบเร้ายิ่งขึ้น
เจ้าของบ้านก็อดทนไม่ได้จึงบอกความจริงให้เขาฟังโดยตลอด
ชายหนุ่มครั้นได้ทราบดังนั้น ก็สงสารจับใจ จึงปลอบว่า ท่านอย่าร้องไห้เป็นทุกข์เลย
ข้าพเจ้าจะไปแทนท่านเอง
ไม่ได้หรอกท่าน
เจ้าของบ้านท้วงขึ้นทันที ธรรมเนียมที่ไหน
จะให้ผู้ที่เป็นแขกมารับเคราะห์ส่งไปเข้าปากยักษ์แทน เพื่อเอาตัวรอด
ถ้าข้าพเจ้าทำเช่นนี้จะต้องมีโทษผิดอย่างแน่นอน
ข้อนี้อย่าวิตกเลย
ถ้าทำตามข้าพเจ้าสั่งแล้ว ก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ ขอแต่ว่าก่อนข้าพเจ้าไป
จงจัดหาสิ่งของบางอย่างให้ข้าพเจ้าก็แล้วกัน เขาพยายามพูดชี้แจงอยู่เป็นนาน
เจ้าของบ้านจึงตกลง
ท่านต้องการอะไรบ้าง?
แกถามในที่สุด
ข้าพเจ้าต้องการเชือกอย่างเส้นใหญ่ๆหนึ่งเส้น
ปูนเปียกหนึ่งถัง พลั่วสองอัน กระทะ เตาไฟ กับเหล็กแหลมสองอันเท่านั้นแหละ
เจ้าของบ้านไปจัดเตรียมสิ่งของทั้งหมดมาให้เขาตามที่ต้องการ
เสร็จแล้วอำนวยชัยให้เขาไปดีมาดีและมีชัยชนะกลับมา
ชายหนุ่มจากตักกสิลาเมื่อได้ล่ำลาเจ้าของบ้านแล้ว
ก็ออกเดินทางไปยังที่อยู่ของยักษ์โดยไม่รอช้า
ขณะนั้น
เป็นเวลาพอดีกับยักษ์ไม่อยู่ เขาจึงเข้าไปในบ้านยักษ์ พร้อมด้วยปิดประตูเสียสนิท
เตรียมเผาเหล็กแหลมกับเตาไปที่เตรียมมาให้แดง เพื่อรับศึกยักษ์ในครั้งนี้ ซึ่งเขามั่นใจอย่างที่สุดว่า
ถึงยังไงเขาก็คงได้สนุกเป็นแน่
สักครู่ก็ได้เวลาอาหารของยักษ์
ซึ่งตามเวลาปกติเวลานี้พระราชาจะต้องส่งคนมามัดไว้หน้าบ้านมัน รอไว้ไห้มันกิน
มันมาถึงก็จะได้ฉีกเนื้อกิน อย่างเอร็ดอร่อยเป็นประจำทุกวันมาวันนี้ก็เช่นเดียวกัน
พอได้เวลามันก็รีบมาหวังกินให้สมกับที่หิวมาตั้งแต่กลางคืน
แม้เมื่อมาถึงไม่เห็นมีใครอยู่หน้าบ้านแม้แต่คนเดียว
มันนึกในใจว่า วันนี้พระเจ้าพาราณสีให้เข้าไปไว้ในบ้านกระมังหรือว่าผิดสัญญาเสียแล้ว
ฮึม! ข้าจะทลายมันทั้งเมือง
หากผิดสัญญาที่ให้ไว้กับข้า
มันคำรามลั่น
พลางสาวเท้ามาที่ประตูบ้าน เห็นประตูปิดแน่นก็ประหลาดใจจึงร้องถามขึ้นว่า
ใครอยู่ในนั้น
?
ชายหนุ่มทำเสียงห้าวย้อนถามว่า
ใครหา
มาเรียกกูผู้ยิ่งใหญ่แห่งพิภพนี้ ?
เสียงห้าวอย่างนี้ยักษ์ไม่เคยได้ยิน
ตั้งแต่เกิดมาพึ่งได้ยิน คราวนี้ นึกขยาด มันถอยห่างออกมาร้องถามอีกว่า
ท่านชื่ออะไร
?
กูชื่อกุเวร
ผู้เป็นใหญ่
ท่าวท้าวกุเวร
ข้าพเจ้าเป็นยักษ์ผู้น้อย ตั้งแต่เกิดมาข้าพเจ้ายังไม่เคยชมบุญบารมีของพระองค์สักครั้งเลย
ไหนๆ พระองค์ก็เสด็จมาถึงที่นี่แล้ว ขอข้าพเจ้าดูผมของพระองค์หน่อยเถิด
ชายหนุ่มส่งเชือกเส้นใหญ่ลอดออกไปทางช่องฝาให้ดู
ยักษ์เห็นเชือกเข้าใจว่าเป็นเส้นผม นึกในใจว่านี่ผมอะไรช่างใหญ่โตเหลือเกิน
จึงร้องขอไปอีกว่า
ท่านท้าวกุเวร
ขอให้ข้าพเจ้าดูเล็บของพระองค์ว่าเป็นยังไง
ชายหนุ่มส่งพลั่วออกมาให้ดู
ยักษ์เห็นก็ตกใจตัวสั่น
โอ้ นี่เห็นจะเป็นท้าวกุเวร
ผู้เป็นเจ้าของเราแน่แล้ว มันบอกกับตัวเอง พลางแข็งใจถามไปอีกว่า
ขอให้ข้าพเจ้าดูน้ำลายของพระองค์หน่อยเถอะ เขาส่งถังปูนออกมาให้ดู
ยักษ์เห็นยิ่งตกใจกลัวตัวสั่นแต่ก็ยังแข็งใจร้องขอต่อไปอีกว่า ท่านท้าวกุเวร
ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่าพระองค์เสด็จมาจริงๆ พระองค์ต้องการให้ข้าไปจากที่นี้เสีย เอาเถอะข้ายินปฏิบัติตามโองการทุกอย่าง
จะขอไปที่นี่ไม่กลับมาอีกเป็นอันขาด ไหนๆข้าจะไปแล้ว ขอให้ข้าได้เห็นพระองค์ทั้งหมด
โดยถนัดชัดแก่ตาตนเองสักหน่อยเถิด ข้าอยากชมบุญบารมีของพระองค์มานานแล้ว
ได้
เข้ามาใกล้ๆหน้าต่างสิ จะได้เห็นตัวเรา
ชายหนุ่มตอบ
แล้วลุกขึ้นหยิบเหล็กแหลมกำลังร้อนแทงไปที่หน้าต่าง พอยักษ์ก้มลงมองที่ช่อง
เขาก็เอาเหล็กแหลมเสือกออกไปตรงที่มองเต็มแรง ถูกตายักษ์พอดี
ยักษ์ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด อึดใจเดียวก็ล้มลงขาดใจตาย ณ ที่นั้น เขาเปิดประตูออกมาตัดศีรษะยักษ์
แล้วถือกลับไปยังบ้านชาวนา พร้อมเล่าเรื่องให้ฟังโดยตลอด
ชาวนาดีอกดีใจมารีบพาตัวเขาเฝ้าพระเจ้าพาราณสี พร้อมกับทูลบอกว่าเขาเป็นผู้ฆ่ายักษ์
พระราชาโสมนัสปรีดาเป็นอย่างดี
พระองค์กอดชายหนุ่มด้วยความรักใคร่
และจัดงานอภิเษกกับราชธิดาของพระองค์และแบ่งสมบัติให้ครอบครองกึ่งหนึ่ง
เป็นการตอบแทนความดีของเขา
เขาได้เสวยสุขอยู่ในกรุงพาราณสีนับตั้งแต่นั้นมา
แนวคิดและเหตุผล
เนื่องจากเป็นวรรณกรรมที่ให้แง่คิดเกี่ยวกับความมีน้ำใจของชายหนุ่มจากเมืองตักกสิลาที่รับฟังความเดือดร้อนของชาวนาคนนั้น
และวรรณกรรมเรื่องนี้ยังให้ข้อคิดอีกว่า
คนเราลองมีปัญญาแล้วย่อมสามารถเอาชนะยักษ์ตัวใหญ่หัวโตแต่แสนโง่บรมทุกครั้งไป
ตัวละครที่ชอบคือ
ชายหนุ่มจากเมืองตักกสิลา
เหตุผลที่ชอบชายหนุ่มจากเมืองตักกสิลา
ก็เพราะว่า เขามีสติปัญญา ความคิดที่ดีและมีความกล้าหาญ
ถึงแม้ว่ายักษ์จะตัวใหญ่ขนาดไหน เขาก็เอาชนะยักษ์ตนนั้นได้ และที่สำคัญเขาเป็นคนที่มีน้ำใจรับฟังปัญหาของครอบครัวชาวนาคนนั้น