ชื่อ                         ด.ญ.มานิตา สาวันดี  

ระดับ                     มัธยมศึกษาตอนต้น

สถานศึกษา             ชมรมศิลปะบวรรัตนศาสตร์

ชื่อผลงาน               พระเวสสันดรชาดก (กัณฑ์กุมาร)

ชื่อวรรณกรรม         พระเวสสันดรชาดก (กัณฑ์กุมาร)

 

 

บทวรรณกรรม

 

เรื่องย่อ

          กล่าวถึงชูชกเดินทางถึงอาศรมของพระเวสสันดรได้หยุดพักผ่อนที่คาคบไม้ ๑ ราตรี รุ่งขึ้นเมื่อนางมัทรีเข้าป่าหาผลไม้แล้ว ชูชกจึงเข้าเฝ้าทูลขอพระชาลีและกัณหา ก็ทรงประทานให้ สองกุมารได้ยินจึงตกใจกลัวหนีไปซ่อนตัวอยู่ในสระ พระเวสสันดรได้ขอร้องให้ทั้งสองพระองค์ออกมา แล้วชูชกก็นำทั้งสองพระองค์ไป

         

เนื้อเรื่อง

          เคราะห์ร้ายมาถึง และในคืนนั้นเอง พระนางมัทรีทรงสุบินร้ายว่า มีบุรุษผิวดำร่างสูงใหญ่นุ่งผ้าย้อมฝาด สองหูทัดดอกไม้แดง มือถือดาบใหญ่ ตรงเข้าจิกพระเกศาแล้วแทงดาบใส่ดวงเนตร ควักดวงตาออกไปทั้งสองข้าง จากนั้นกรีดพระอุระ ควักเอาพระทัยไปทั้งดวง

          พระนางร้องลั่นสะดุ้งตื่นบรรทม พระวรกายสั่นสะท้าน รีบไปหาพระเวสสันดรเพื่อจะให้ทำนายฝัน แต่เมื่อเข้าไปในอาศรมพระเวสสันดรก็ทรงตรัสว่า “น้องหญิงจงเล่าความอยู่ที่ข้างนอกเถิด” พระนางมัทรีทรงทูลเล่าพระสุบินนั้นพระทัยสั่น พระเวสสันดรทรงทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นในรุ่งเช้า แต่ทรงตรัสแก่พระนางว่าเป็นความตรากตรำลำบาก จึงทำให้เกิดธาตุวิปริตดังนี้

          เมื่อรุ่งเช้าพระนางมัทรีมีลางสังหรณ์ไม่อยากเสด็จเข้าป่า จึงตรัสสั่งพระโอรสและธิดาให้อยู่ใกล้ๆเสด็จพ่อ ครั้นพระนางมัทรีไปแล้ว เฒ่าชูชกจึงรีบเข้าไปยังบริเวณอาศรมทันที

          เมื่อพระกุมารชาลีเข้าไปถามต้อนรับ ชูชกสังเกตรู้ว่าพระกุมารเป็นเด็กฉลาด จึงร้องตวาดไล่ไปด้วยหวังจะข่มให้กลัวแล้วหนีไป แล้วเฒ่าชูชกก็เข้าเฝ้าพระเวสสันดร พยายามอ้างถึงความลำบากยากเข็ญนานาประการ ในการเดินทางฝ่าอันตรายมาถึงป่านี้ ก็เพื่อขอปิยบุตรไปช่วยงานที่บ้าน เนื่องจากตนยากจนไม่มีเงินซื้อทาสได้ พระเวสสันดรทรงตรัสอนุญาต ชาลีกุมารแอบได้ยินจึงพาน้องสาวไปซ่อนที่ใต้ใบบัวข้างสระน้ำ เฒ่าชูชกเห็นเด็กทั้งสองหายไป ก็แกล้งติเตียนตัดพ้อพระเวสสันดรด้วยคำบริภาษว่า “ไหนล่ะที่พระองค์บริจาคทาน ปากยกให้แต่ไหนละ เด็กร้ายทั้งสองคงจะคิดหนีไปแล้ว พระองค์มิได้มีจิตบริจาคทานตามที่ลั่นสัจจะไว้เลย”

          เมื่อสดับดังนั้น พระเวสสันดรจึงทรงเสด็จออกตามหาทั่วบริเวณ ชาลีราชกุมารมิอยากให้พระราชบิดาร้องเรียกนานไป จึงจูงน้องออกมา

          พระเวสสันดรขอให้กัณหา ชาลี ติดตามเฒ่าชูชกไปเถิด แต่ให้รอร่ำลาพระนางมัทรีก่อน เฒ่าชูชกไม่ยอมฟัง รีบหาเชือกเถาวัลย์มาผูกมัดพระโอรสธิดา แล้วเอาหวายเฆี่ยนตีต่อหน้าพระเวสสันดร พลางฉุกกระชากลากไปอย่างโหดเหี้ยม

          กัณหา ชาลี ถูกตีรุนแรงก็ร่ำไห้หาพระบิดาพระมารดา พระเวสสันดรทรงกันแสง แต่ก็ตั้งมั่นในสัจจะที่พระองค์ตั้งจิตไว้ ก่อนไปนั้นชูชกว่า ถ้าจะไถ่ตัวกัณหาชาลีได้ต้องให้ ทาส ทาสี ช้าง ม้า โคนม ทองคำ สิ่งละ ๑๐๐ แก่ชูชก

          ครั้นเมื่อเฒ่าร้ายนำตัวพระกุมารและกุมารีไปแล้ว ก็ให้เกิดอัศจรรย์ดินฟ้าวิปโยคครืนครั่น ฟ้าผ่าน่าสะพรึงกลัวไปทั่วป่าหิมพานต์

 

 

แนวคิดและเหตุผล

 

          พระเวสสันดรชาดกเป็นวรรณกรรมเก่าแก่ที่มีการเทศน์หรือใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวไทยมาอย่างช้านาน มีเรื่องพูดปากต่อปากว่าถ้าผู้ใดได้นั่งฟังพระเทศน์เรื่องพระเวสสันดรชาดกจนจบแล้วก็จัดว่าผู้นั้นเป็นคนที่มีบุญวาสนาเป็นอย่างยิ่ง

          ข้าพเจ้าเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่มีโอกาสได้ฟังพระเทศน์เรื่องนี้เลย แต่ก็ขอมีส่วนที่จะนำเสนอและถ่ายทอดเรื่องราวของพระเวสสันดรชาดกให้คนทั่วไป ได้รับรู้ผ่านภาพวาด แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่ก็น่าภาคภูมิใจ โดยยกเรื่องราวคุณงามความดีของพระเวสสันดร ซึ่งจัดว่าเป็นคนที่มีทานบริจาคได้อย่างเป็นเลิศและยิ่งใหญ่ที่สุด โดยคัดเลือกตอนกัณฑ์กุมาร ที่ถือว่าเป็นการบริจาคทานครั้งยิ่งใหญ่ของพระเวสสันดร คือการบริจาคลูกที่เป็นที่รักของตัวเอง ซึ่งไม่มีใครที่กล้าพอที่จะเสียสละได้อย่างมากมายขนาดนี้

          และอีกอย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับคือความสามัคคีระหว่างพี่น้อง กัณหา ชาลี ที่มีความสามัคคี ไม่เห็นแก่ตัว มีความรักกันอย่างเหนียวแน่น โดยไม่กลัวความยากลำบาก และเป็นคนที่มีความกตัญญูรู้คุณเป็นอย่างยิ่ง

          พระเวสสันดรคือตัวอย่างการบำเพ็ญทานบารมีที่ให้ด้วยใจที่บริสุทธิ์ เพื่อบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าและเข้าสู่หนทางดับทุกข์อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เองที่ข้าพเจ้าจะได้ถ่ายทอดเรื่องราวของพระเวสสันดรให้คนได้ชมและรับรู้ถึงความดีอันยิ่งใหญ่ เหมาะกับการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของคนในยุคนี้ ที่นับวันยิ่งเห็นแก่ตัวไม่มีคำว่าให้ การแบ่งปัน หรือการเสียสละ ชื่อพระเวสสันดรยังคงอยู่ในใจของข้าพเจ้าตลอดไป