ชื่อ นายสิทธิพนธ์
เลาะไชยสงค์
ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
(ปวช.)
สถานศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษามหาสารคาม
ชื่อผลงาน สามัคคีคือพลัง.๐๑
ชื่อวรรณกรรม พระอภัยมณี
บทวรรณกรรม
สุดสาครควบม้านิลมังกรเรื่อยมาจนเข้าใกล้เขตซากเมืองใต้มหาสมุทร
มีพวกผีดิบหิวโหยแฝงเร้นอยู่นับสิบล้านตน เมื่อเหล่าผีดิบเห็นมนุษย์น้อย
จึงทำอุบายหลอกจับกิน ช่วยกันเนรมิตเมืองจำแลงขึ้นมาอย่างงดงาม
สุดสาครคิดว่ามาถึงที่อยู่ของมนุษย์ ก็รีบควบม้าเข้าประตูเมือง
ฉับพลัน กำแพงวังที่สวยงามก็กลับกลายเป็นซาก
พวกผีดิบผุดพุ่งเข้าโจมตีสุดสาครจากทุกทิศทาง ฤๅษีน้อยก็กวัดแกว่งไม้เท้าฟาดตีผีร้ายร่างสลาย
ม้านิลมังกรช่วยรบกัดถีบไม่หยุดหย่อน แต่ฝูงผีร้ายกลับหนุนเนื่องเข้ามาไม่ขาดสาย
สุดสาครต่อสู่กับผีดิบอยู่นานถึงเจ็ดวันจนอ่อนกำลัง จึงระลึกถึงพระเจ้าตาให้มาช่วย
ทันใดนั้น
เกิดเสียงระฆัง เหง่ง หง่าง กังวานจากฟากฟ้า
พระเจ้าตาขี่เมฆพุ่งเข้ามาเหนือซากเมือง ร่ายคาถาไล่พวกผีร้ายสลายร่างไปจนหมดสิ้น
แล้วให้สุดสาครรีบออกจากกำแพงเมือง จากนั้นพระฤๅษีก็หายตัวไป
แนวคิดและเหตุผล
สุดสาครและม้านิลมังกรได้หลงเข้าไปในเมืองของผีดิบ
เขาทั้งสองได้ร่วมกันต่อสู้กับฝูงผีดิบเป็นล้านๆตน ด้วยความสามัคคีของเขาทั้งสองนั้นทำให้เกิดพลังที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่
สามารถต่อกรกับฝูงผีดิบถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน
ถึงแม้จะไม่สามารถเอาชนะผีดิบด้วยตนเองก็ตาม
สุดสาครและม้านิลมังกรได้สอนให้ข้าพเจ้าได้รู้ว่าพลังแค่สองพลังถ้าหากมารวมกันโดยมีความสามัคคีเป็นที่ตั้ง
ก็สามารถเป็นบ่อเกิดแห่งพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ สามารถต่อสู้กับอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่และสามารถเอาตัวรอดในวิกฤติกาลที่โหดร้ายไปได้
เรื่องราวของสุดสาครและม้านิลมังกรนี้ถ้าหากนำมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์เมืองไทยในตอนนี้ก็อยากให้ดูสุดสาครและม้านิลมังกรเป็นตัวอย่าง