ชื่อ                         นายณัฐิวุฒิ  ชูมะโนวัฒน์

ระดับ                     มัธยมศึกษาตอนปลาย

สถานศึกษา             โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ

ชื่อผลงาน               ต่างพันธุ์ต่างสี ก็มีความรักความสามัคคีให้กันได้

ชื่อวรรณกรรม         หลวิชัย-คาวี

 

 

บทวรรณกรรม

 

          มีเสือแม่ลูกอ่อนออกไปหากินในป่าเพลินจนลืมลูกเสือที่อยู่ในถ้ำ ลูกเสือหิวมากออกเดินตามหาแม่แต่ก็ไม่พบ  ลูกเสือเจอแม่วัวจึงขอนมแม่วัวกิน แม่วัวสงสารให้กินนมแล้วพาไปที่อยู่เลี้ยงลูกเสือคู่กับลูกวัวของตน ลูกเสือกับลูกวัวก็รักกันเหมือนพี่น้อง

          วันหนึ่งแม่เสือกลับมาตามหาลูก พบลูกเสืออยู่กับแม่วัว  ลูกเสือชวนแม่อยู่ด้วยกันกับแม่วัว แม่เสือแสร้งทำเป็นใจดีอยู่กับแม่วัว แต่เวลาออกไปหากินจะไปกันคนละทิศ วันหนึ่งแม่เสือแอบไปดักกินแม่วัว ลูกวัวไม่เห็นแม่กลับมาก็ออกตามหา ลูกเสือก็ตามลูกวัวมา  แม่เสือเห็นลูกวัวก็ตรงเข้ากัดกิน ลูกเสือโกรธมากที่แม่จะกินลูกวัว  จึงโดดเข้าไปกัดแม่เสือจนแม่เสือตาย

          ลูกเสือกับลูกวัวจึงออกเดินทางท่องเที่ยวไปในป่า วันหนึ่งไปถึงอาศรมฤๅษี  ฤๅษีแปลกใจมากที่สัตว์ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน จึงมีจิตเมตตาชุบชีวิตลูกเสือลูกวัวให้เป็นคน และตั้งชื่อลูกเสือว่า หลวิชัย  ลูกวัวชื่อคาวี 

          หลวิชัยกับคาวีก็เรียนศิลปวิทยากับฤๅษีจนเติบโต เมื่อมีอายุพอสมควรแล้ว หลวิชัยกับคาวีก็ขอลาพระฤๅษีไปเผชิญโชค ฤๅษีให้พระขรรค์วิเศษที่บรรจุหัวใจของหลวิชัยกับคาวี  หลวิชัยคาวีเดินทางไปได้พักหนึ่งถึงทางแยก  หลวิชัยจึงบอกกับคาวีว่า “เราแยกทางกันตรงนี้ เจ้าไปทิศเหนือ พี่ไปทิศใต้ แล้วอีกสามเดือนเรามาพบกันที่นี่”

          คาวีเดินทางไปถึงเมืองร้างแห่งหนึ่ง ร้านรวงต่างๆ ยังมีข้าวของแต่ไม่มีผู้คน คาวีเข้าไปในพระราชวังก็ไม่เห็นคนสักคนเดียว จึงเข้าไปในครัวแล้วก่อไฟขึ้นเพื่อจะหุงหาอาหาร ทันใดนั้นมีกลุ่มนกอินทรีย์ยักษ์บินมาจนท้องฟ้ามืดมิด กลุ่มนกอินทรีบินจะมาจิกกินคาวี  คาวีใช้พระขรรค์ต่อสู้และฆ่านกอินทรียักษ์ตายเกือบหมด นกที่เหลือก็บินหนีไป  คาวีจึงเดินสำรวจพระราชวัง เห็นกลองใบใหญ่พอเดินเข้าไปใกล้ได้ยินเสียงหญิงสาวร้องว่า “ช่วยเราด้วย ช่วยเราด้วย”  คาวีใช้พระขรรค์กรีดหนังกลองก็พบพระราชธิดาชื่อพระนางจันทร์สุดา คาวีจึงอภิเษกกับนางจันทร์สุดา ผู้คนที่หลบหนีไปเพราะกลัวนกก็อพยพกลับมาอยู่ที่เมือง  บ้านเมืองก็เจริญรุ่งเรืองเหมือนเดิม

          วันหนึ่งพระนางจันทร์สุดาไปสรงน้ำ ผมของนางซึ่งมีกลิ่นหอมร่วง พระนางจึงใส่ผอบลอยน้ำไปต่อมามีคนนำผอบผมหอมไปถวายท้าวสัณนุราช ท้าวสัณนุราชก็อยากทราบว่าผมนี้เป็นของผู้ใด  จึงมีประกาศป่าวร้องว่าถ้าใครรู้จักจะให้รางวัล

          ยายเฒ่าทัดประสาด  ซึ่งเคยเป็นพี่เลี้ยงของนางจันทร์สุดาก็รีบไปเข้าเฝ้าท้าวสัณนุราช แล้วบอกว่าเป็นเส้นผมของพระนางจันทร์สุดา  ท้าวสัณนุราชจึงบอกให้ยายเฒ่าทัดประสาดหาทางนำนางมา  แล้วก็ให้เงินทองแก่ยายเฒ่าเป็นอันมาก

          ยายเฒ่ารีบกลับไปที่เมืองแล้วทำทีเป็นขออยู่กับพระนางจันทร์สุดา แล้วก็ยุยงพระนางว่าคาวีคงมิได้ไว้ใจพระนางจันทร์สุดาจึงได้พกพระขรรค์ติดตัวตลอดเวลา  พระนางจันทร์สุดาก็มีจิตใจไหวหวั่นหลงเชื่อ จึงถามคาวีว่าทำไมคาวีจึงต้องพกพระขรรค์ติดตัวตลอดเวลา คาวีจึงบอกความลับว่า เพราะหัวใจคาวีอยู่ที่พระขรรค์ ถ้าใครนำพระขรรค์ไปเผาไฟ คาวีก็จะตาย  ด้วยเหตุนี้จึงต้องพกพระขรรค์ติดตัวตลอดเวลา 

          พระนางจันทร์สุดาเมื่อได้ทราบเช่นนั้นก็หายแคลงใจ  และได้นำความไปเล่าให้ยายเฒ่าฟัง ลืมไปว่าเรื่องนี้เป็นความลับยิ่ง ยายเฒ่าได้ฟังจึงเกิดความคิด และชวนให้คาวีและพระนางจันทร์สุดาไปสรงน้ำที่ชายทะเล คาวีและพระนางจันทร์สุดาถอดเครื่องทรงรวมทั้งพระขรรค์ให้ยายเฒ่าเก็บรักษา ยายเฒ่าได้ทีนำพระขรรค์ไปเผาไฟ  คาวีกำลังว่ายน้ำก็รู้สึกร้อนจึงรีบชวนนางจันทร์สุดาว่ายกลับเข้าฝั่ง  พอถึงชายหาดคาวีเห็นยายเฒ่ากำลังเผาพระขรรค์อยู่ ก็นึกโกรธที่พระนางจันทร์สุดาไม่รักษาความลับ แต่ยังไม่ทันพูดคาวีก็ล้มลงสิ้นสติ  พระนางจันทร์สุดาตกพระทัยมากได้แต่ร่ำไห้กอดร่างคาวี ยายเฒ่าจึงรีบให้ทหารของท้าวสัณนุราชนำพระนางจันทร์สุดาไปถวายท้าวสัณนุราช

          ฝ่ายหลวิชัยเมื่อครบกำหนดวันนัดก็มาพบคาวีที่ทางแยก  คอยอยู่ทั้งวันไม่เห็นคาวีมา จึงตัดสินใจเดินทางมาที่เมืองพระนางจันทร์สุดา ระหว่างทางเห็นกองไฟและพระขรรค์ของคาวีอยู่ใน   กองไฟก็รีบนำพระขรรค์ออกมา และพบคาวีนอนสิ้นสติก็ช่วยแก้ไขจนฟื้น เมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมดหลวิชัยก็ชวนคาวีไปตามพระนางจันทร์สุดาที่เมืองท้าวสัณนุราช

          ที่เมืองสัณนุราช กำลังมีประกาศให้คนที่มีวิชาอาคมไปช่วยชุบท้าวสัณนุราชให้เป็นหนุ่มเพราะพระนางจันทร์สุดาไม่ยอมรับรักท้าวสัณนุราช หลวิชัยจึงแต่งกายปลอมเป็นฤๅษีเข้ารับอาสาจะชุบท้าวสัณนุราชให้เป็นหนุ่ม  ท้าวสัณนุราชดีใจมาก หลวิชัยจึงสั่งให้ขุดหลุมลึกแล้วกั้นม่านเจ็ดชั้น ที่หลุมนั้นสุมไฟไว้ หลวิชัยให้ท้าวสัณนุราชโดดลงไปที่กองไฟนั้น ด้วยความที่อยากเป็นหนุ่ม ท้าวสัณนุราชก็กระโดดลงไปในกองไฟสิ้นชีวิต หลวิชัยก็นำคาวีออกมา ทุกคนก็เข้าใจว่าเป็นท้าวสัณนุราชชุบตัวกลายเป็นคนหนุ่มแล้วก็โห่ร้องดีใจ  และจัดอภิเษกท้าวสัณนุราชหรือคาวีกับพระนางจันทร์สุดา  ส่วนยายเฒ่าเมื่อเห็นดังนั้นก็เกิดความกลัวรีบหลบหนีไป  หลวิชัยเมื่อเห็นคาวีปลอดภัยแล้วก็ลาคาวี

 

 

แนวคิดและเหตุผล

 

          เหตุผลที่ข้าพเจ้าชอบตัวละครสองตัวนี้  เพราะว่า  ข้าพเจ้าทึ่งในความรักใคร่สามัคคี  ความมีน้ำใจของลูกวัวและลูกเสือซึ่งต่างเผ่าพันธุ์  อยู่ด้วยกันมีความรักใคร่เหมือนพี่น้องแท้ๆ และดูแลกันโดยมิได้แบ่งเผ่าพันธุ์แต่อย่างใด

          ที่ข้าพเจ้าชอบวรรณกรรมเรื่องนี้(นิทานสยาม) เพราะว่าข้าพเจ้าชอบในการใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เนื้อหาไม่ซับซ้อนเข้าใจง่ายและยังสะท้อนปัญหาสังคมในปัจจุบัน เป็นนัยว่าขนาดสัตว์ต่างพันธุ์ยังอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ  แต่ทำไมประเทศไทยในปัจจุบันเป็นคนไทยด้วยกันชาติพันธ์เดียวกันแท้ ๆ จึงต้องทะเลาะกัน แตกแยกเป็นหลายฝ่าย หลายสี  ดังนั้น เราจึงควรคืนความสงบสุขและรักใคร่สามัคคีเหมือนดั่งเสือและวัว (หลวิชัย-คาวี)  ประเทศของเราคงสงบสุขไม่น้อย